อะไรคือสิทธิมนุษยชน
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. กาญจนา นาคสกุล
คำที่พูดถึงกันมากคำหนึ่งในระยะที่ผ่านมาไม่นานนี้คือ คำว่า สิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมี ทุกคนจึงอ้างสิทธินี้จนลืมไปว่า เมื่อทุกคนมีสิทธิจึงต้องมีขอบเขตของสิทธิที่จะไม่ก้าวล่วงสิทธิของผู้อื่น และนอกจากสิทธิแล้ว มนุษย์ในสังคมยังมีบุคคลแวดล้อม มีวัฒนธรรม มีค่านิยมของมนุษย์ในแต่ละกลุ่ม ซึ่งดิฉันคิดว่าน่าจะคิดถึงด้วย
คำว่า สิทธิ เป็นคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตว่า สิทฺธิ แปลว่า อำนาจอันชอบธรรม อำนาจที่บุคคลหนึ่งมีสำหรับให้ทำการใดๆได้ตามที่กฎหมาย ตราสาร หรือข้อบังคับระบุไว้. คำว่า สิทธิ มักใช้ในด้านกฎหมาย เช่น คนที่ทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษตามกฎหมาย คนรวยเพียงใดก็ไม่มีสิทธิพิเศษได้รับการยกเว้น. ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญที่ ๓ มีมติรับรอง เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ข้อหนึ่งว่า ทุกคนในโลกแม้ต่างชาติ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม ล้วนมีสิทธิของความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ถือเป็นสิทธิที่เท่าเทียมกัน หมายความว่า ทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ย่อมมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน จึงมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน มีสิทธิที่จะมีสัญชาติของตัวเอง มีสิทธิที่จะแต่งงานสร้างครอบครัว มีสิทธิที่จะเลือกนับถือศาสนาที่ตนพอใจ และสิทธิอื่นๆเท่าที่ไม่ไปก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น ผู้ใดจะมาเอาสิทธินี้ไปไม่ได้.มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มนุษย์สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ด้วยสติปัญญาและด้วยการศึกษาเล่าเรียน มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาอบรมจากพ่อแม่ จากครูอาจารย์ และจากสังคมเพื่อพัฒนาศักยภาพตามความสามารถของตนได้ ภายใต้กฎหมาย ค่านิยม และวัฒนธรรมของกลุ่มชนเท่าทียมกันกับทุกคนในสังคมนั้น.มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตอยู่
สิทธิมนุษยชน เป็นหลักสากลที่มุ่งในด้านการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ไม่ให้มีการกดขี่ ข่มเหง บังคับ ขู่เข็ญ หรือทำร้ายกันอย่างไร้มนุษยธรรม อย่างปราศจากความเห็นใจกัน ปราศจากความเข้าใจกัน. สิทธิมนุษย์ชนตามปฏิญญาสากลของสหประชาชาติจึงมีความหมายเฉพาะ ความเท่าเทียมกันในทางกฎหมายและมีอิสรภาพที่จะกระทำได้ตามกำลังของแต่ละบุคคลโดยไม่กระทบสิทธ์ของผู้อื่นเท่านั้น เช่น สิทธิที่จะเดินขบวนเรียกร้องความเป็นธรรมได้โดยไม่ล่วงล้ำทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น. สิทธิที่จะใช้พื้นที่ถนนได้เท่าที่กฎหมายอนุญาตโดยไม่ไปตัดสิทธิของผู้อื่น สิทธิที่จะตั้งบ้านเรือนอยู่ในประเทศของตนโดยไม่รุกล้ำที่ของผู้อื่นหรือรุกล้ำที่สาธารณะ. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีตามกฎหมาย ไม่มีใครมีสิทธิ์ตั้งค่ายกางเต็นท์ขวางกลางถนนกำจัดสิทธิผู้ใช้ถนนคนอื่น เป็นต้น. สิทธิมนุษยชน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนมีเท่าเทียมผู้อื่น คือ สิทธิที่จะกระทำการใดๆหรือไม่กระทำการใดๆได้ภายในขอบเขตที่ตนมีสิทธิ์ ถ้าผู้ใดใช้สิทธิ์มากเกินไปจนก้าวล่วงไปกระทบสิทธิ์ของผู้อื่น การใช้สิทธิ์นั้นก็ถือว่าไม่ถูกต้อง และไม่นับว่าเป็นสิทธิมนุษยชน. ในสังคม จึงมีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่ง มาช่วยให้คนเข้าใจสิทธิ์ของตน โดยเฉพาะในส่วนที่สัมพันธ์กับสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อมิให้ใช้สิทธ์มากเกินไป
สิ่งที่ควรทำความเข้าใจให้กระจ่างก็คือ ความเท่าเทียมกันตามสิทธิมนุษยชนไม่ใช่ความเท่าเทียมกันทุกอย่างเพราะบุคคลในสังคมย่อมมีความแตกต่างกันในด้านหน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือบทบาทของแต่ละบุคคล.โดยธรรมชาติมนุษย์มีความไม่เท่าเทียมกันในทุกๆด้าน.มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่างมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นด้วยการเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นเพื่อนบ้าน เป็นเพื่อนร่วมชาติจนถึงเพื่อนร่วมโลก. สิทธิ์ของบุคคลจะมีได้มากน้อยเพียงใดต้องพิจารณารวมความสัมพันธ์ หน้าที่ ความรับผิดชอบของบุคคลที่มีต่อกันตามฐานะ ตามค่านิยมและตามวัฒนธรรมของคนในสังคมนั้นด้วย.สิทธิมนุษยชนเป็นอำนาจที่บุคคลหนึ่งมีสำหรับให้ทำการใดๆตามที่ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ วัฒนธรรม และค่านิยมของสังคมอนุญาตให้ทำได้เหมือนผู้อื่น แต่ไม่ใช่ความเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ความเสมอภาค เช่น ในสังคมไทย พ่อแม่มีสิทธิ์อบรมสั่งสอนดุว่าลูก ลูกมีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพจากพ่อแม่ พ่อแม่มีสิทธิ์นำทางที่ดีให้ลูก ลูกมีสิทธิ์จะเลือกทางที่ดีเพื่อการดำเนินชีวิตของตนได้ตามควร ลูกไม่มีสิทธิ์ด่าว่าพ่อแม่ พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ลงโทษลูกอย่างโหดร้าย ลูกไม่มีสิทธิ์ทำร้ายพ่อแม่ เมื่อลูกโตพอที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้งพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้ลูกเลือกตามใจพ่อแม่. ทุกคนมีสิทธิ์แต่สิทธิ์นั้นๆไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน.ในองค์กรหนึ่งๆย่อมต้องมีหัวหน้ามีลูกน้อง ความรับผิดชอบและบทบาทของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากันจึงมีสิทธิ์ที่จะทำสิ่งใดหรือไม่ทำสิ่งใดได้ไม่เหมือนกัน. การที่คนไข้หนัก คนชราหรือเด็กเล็กๆได้รับการดูแลก่อนผู้อื่นเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่ควรได้รับตามความเหมาะสม เช่นเดียวกับ การจัดเส้นทางพิเศษให้นายกรัฐมนตรีหรือบุคคลสำคัญที่เดินทาง หรือการที่ธนาคารให้ลูกค้าชั้นดีของธนาคารกู้เงินเกินจำนวนที่กำหนดไว้.ใครที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือเป็นลูกค้าชั้นดีของธนาคารได้ก็ย่อมมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะได้รับการปฏิบัติพิเศษเช่นเดียวกัน
ในระดับประเทศ นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศ รับผิดชอบทุกข์สุขของผู้คนทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรีย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้รับความคุ้มกันเป็นพิเศษเมื่อไปในที่สาธารณะ มีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษและมีสิทธิ์ทำงานในทำเนียบนายกรัฐมนตรี เป็นต้น. ในประเทศที่มีความเสมอภาคสูงและยึดกลักสิทธิมนุษยชนอย่างเหนียวแน่นเคร่งครัดอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ชีวิตความเป็นอยู่คนอเมริกันก็ไม่เท่าเทียมกัน.ความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นผลของความสามารถ การพัฒนาตนเอง การศึกษาหาความรู้และอื่นๆ ประธานาธิบดีสหรัฐมีสิทธิ์อยู่ในทำเนียบขาว มีเครื่องบินส่วนตัวที่จะพาไปสู่ทุกที่ที่ต้องการ และสามารถสั่งให้ทหารอเมริกันไปปฏิบัติงานเสี่ยงภัยหรือทำกิจกรรมใดๆได้เท่าที่กฎหมายกำหนด.ดาราภาพยนตร์ฮอลลิวู้ดส่วนมากมีบ้านใหญ่และงดงามอยู่ในบริเวณที่มีธรรมชาติงดงาม สงบและปลอดภัย ในขณะที่ยังมีคนอเมริกันเป็นจำนวนมากที่ยังต้องดิ้นรนหางานทำ อยู่ในที่ที่ต้องระวังตัวอยู่ทุกฝีก้าว และไม่มีความสะดวกสบายใดๆ แต่สังคมอเมริกันก็ถือว่าเป็นสังคมที่ทุกคนมีสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมกันเพราะทุกคนมีโอกาสศึกษาหาความรู้ได้เท่ากัน แต่ความสำเร็จในการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน.ทุกคนมีโอกาสได้รับบริการจากรัฐ ได้รับความคุ้มครองจากรัฐเท่าเทียมกันแต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะมีชีวิตเหมือนกัน